หนังสือแปลเกาหลี

หนังสือแปลเกาหลี “My Introvert Story แค่คนเก็บตัว”

หนังสือ “My Introvert Story แค่คนเก็บตัว” แปลมาจากหนังสือภาษาเกาหลีชื่อว่า “내향인입니다” เขียนโดย คุณชินมินย็อง แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณจารุพรรณ์ สีดาฐิติวัฒน์ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Bloom

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “My Introvert Story แค่คนเก็บตัว” ได้ที่นี่

คำว่า 내향인 ในชื่อหนังสือแปลว่าคนเก็บตัว คุณชินมินย็อง ผู้เขียน เริ่มต้นหนังสือเล่มนี้ด้วยการบอกว่าเธอไม่ชอบคำว่าคนเก็บตัวเลย เพราะคนเก็บตัวมักจะถูกมองว่าเป็นคนขี้อาย ไม่รู้จักเข้าสังคม ในขณะที่คำตรงข้ามของคนเก็บตัวไม่ใช่คำว่าคนไม่เก็บตัว แต่เป็นคนเข้าสังคมเก่ง กระตือรือร้น มีความเป็นผู้นำ มั่นใจในตัวเอง ซึ่งที่จริงแล้วคนเก็บตัวหรือคนอินโทรเวิร์ตและคนที่มีลักษณะตรงข้ามกันหรือที่เรียกกันว่าเอกโทรเวิร์ต ก็เป็นแค่คำนิยามบุคลิกลักษณะที่มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ว่าใครดีกว่าใคร

บทแรกของหนังสือเล่มนี้ชื่อว่ามนุษย์อินโทรเวิร์ตสุดขั้ว

ในบทนี้ผู้เขียนได้เล่าว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเธอคือช่วงเวลาที่เธอได้อยู่คนเดียว ใช้เวลากับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการจดจ่อกับงานเขียน การอ่านหนังสือเล่มโปรด การวาดภาพ การเดินท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ หรือแม้กระทั่งการขึ้นรถบัสโดยไร้จุดหมายแล้วเปิดเพลงฟังระหว่างทางไปเรื่อย ๆ เธอบอกว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจราวกับว่าจิตใจที่ล่องลอยไปมาได้ค้นพบจุดหมายแล้วก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย

ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีความสุขกับการได้พบปะผู้คนมากมาย ได้ปาร์ตี้ ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับผู้คนอย่างสนุกสุดเหวี่ยง หรือสนุกกับความรื่นเริงในงานเทศกาลต่าง ๆ แต่กิจกรรมเหล่านั้นกลับทำให้คนอินโทรเวิร์ตอย่างคุณชินมินย็องหมดพลัง เพราะคนอินโทรเวิร์ตมักเป็นคนที่อ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก พอมีสิ่งเร้าต่าง ๆ เข้ามาก็จะตอบสนองต่อสิ่งนั้นได้เร็ว ยิ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นพลังลบก็จะเก็บกลับมาคิดแล้วคิดอีก ถ้าเป็นความเจ็บปวดก็ต้องใช้เวลาเยียวยานาน แต่การเป็นคนอ่อนไหวก็ทำให้เอาใจใส่และเห็นใจผู้อื่น แล้วก็ยังทำให้มองเห็นความพิเศษในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมองเห็นความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในความธรรมดาอยู่เสมอ

บทที่สองของหนังสือเล่มนี้ได้เล่าถึงวิธีการชาร์จพลังของชาวอินโทรเวิร์ต

คุณชินมินย็องบอกว่าชาวอินโทรเวิร์ตมักจะรวบรวมพลังมาจากภายในของตัวเอง ทำให้ชาวอินโทรเวิร์ตต้องมีพื้นที่สบายใจ ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องทำอะไรหรือแสดงปฏิกิริยาใด ๆ หรือหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบตามลำพังเงียบ ๆ คนเดียว ได้เลือกทำในสิ่งที่อยากทำอย่างอิสระ ดังนั้นงานอดิเรกของชาวอินโทรเวิร์ตจึงมักเป็นงานที่ทำคนเดียว เช่น วาดภาพ แต่งกลอน เขียนหนังสือ ในขณะที่ชาวเอกโทรเวิร์ตจะได้เติมเต็มพลังจากการเข้าสังคม การใช้เวลากับคนอื่นทำให้ชาวเอกโทรเวิร์ตรู้สึกเติมเต็มและมีชีวิตชีวา

แต่ไม่ว่าเราจะเป็นชาวอินโทรเวิร์ตหรือเอกโทรเวิร์ต เราก็ต้องหาจุดสมดุลระหว่างช่วงเวลาอยู่กับตัวเองและอยู่กับผู้อื่น ชาวอินโทรเวิร์ตที่สบายใจกับการอยู่คนเดียวและใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ถ้าเอาแต่หมกตัวอยู่ในถ้ำก็อาจจะกลายเป็นคนโลกแคบที่สื่อสารกับใครไม่เป็น จึงต้องแบ่งเวลาออกไปเผชิญหน้ากับผู้คนหรือพูดคุยสื่อสารกับคนอื่นบ้าง เพราะการสานสัมพันธ์กับผู้อื่นก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ส่วนชาวเอกโทรเวิร์ต แม้จะสนุกสนานและได้รับพลังเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน แต่พวกเขาก็ต้องการเวลาส่วนตัวเช่นกัน

คุณชินมินย็อง ผู้เขียน บอกว่าเธอสนุกกับการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่ก็ไม่หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คน เพราะการพบเจอคนอื่นก็เป็นโอกาสให้ได้นำพลังงานที่สะสมไว้ตอนอยู่คนเดียวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แล้วก็ช่วยเสริมสร้างทักษะการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ด้วย ชาวอินโทรเวิร์ตก็สามารถเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีได้ เพราะคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีไม่ได้แปลว่าต้องพูดเสียงดัง คุยเก่ง หรือชอบอยู่กับคนอื่นเสมอ แต่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเป็นคนที่ใช้ทักษะการเข้าสังคมได้ถูกจังหวะเวลาที่สุดต่างหาก

ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นคนกลุ่มไหนก็ควรยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ต้องไขว้เขวกับคำพูดของสังคมที่มาตัดสินว่าเราดีหรือไม่ดี แต่ต้องเสริมสร้างทักษะภายนอกเวลาอยู่กับผู้อื่นให้แข็งแกร่ง และบริหารความคิดภายในเวลาอยู่กับตัวเองให้สมดุล

บทที่สามของหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่าความเศร้าเพื่อนรัก

คนเราทุกคนย่อมมีทั้งวันที่อารมณ์ดีและวันที่อารมณ์แย่ แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ควรยอมรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะอารมณ์ในด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นโกรธ ผิดหวัง น้อยใจ เศร้า หรือแม้แต่อิจฉา อารมณ์ทั้งหมดก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป คุณชินมินย็อง ผู้เขียน เล่าว่าวันไหนที่อารมณ์ไม่ดี เธอก็มักจะหดหู่ ยิ่งอารมณ์เศร้าซึมลึกเท่าไร น้ำตามากมายก็หลั่งไหลออกมา บางครั้งก็เจ็บปวดเหมือนมีคนเอาเข็มมาทิ่มแทงใจ แต่ก็จะมีช่วงหนึ่งที่จู่ ๆ ก็เกิดมั่นใจว่าจะสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง รอบ ๆ ตัวก็เริ่มมีแสงสว่าง พร้อมกับยอมรับอารมณ์ของตัวเอง ทุกข์ก็บอกว่าทุกข์ เศร้าก็บอกว่าเศร้า ไม่ต้องพยายามต่อต้านหรือซ่อนไว้ แค่ยอมรับ เผชิญหน้า จับตามอง และตั้งใจฟังอารมณ์เหล่านั้นให้มากขึ้น พอทำแบบนี้แล้วก็จะเกิดความเห็นอกเห็นใจตัวเอง ความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป

คุณชินมินย็องบอกว่าถึงแม้เธอจะใช้เวลาอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเหงา เพราะมนุษย์เรามีความเหงา ความโดดเดี่ยว และความว่างเปล่าเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าความเหงาจะเกิดขึ้นกับเราที่ไหน เมื่อไร อาจจะเกิดขึ้นได้ตอนเดินอยู่บนถนนคนเดียว หรือเกิดขึ้นตอนอยู่ในขบวนรถไฟฟ้าที่แสนจะแออัดก็ได้ ความเหงาก็เหมือนกับความรู้สึกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวก็ค่อย ๆ จางหายไปเหมือนหมอกควันที่ลอยเข้ามาแล้วก็หายไปชั่วพริบตา

บทที่สี่ชื่อบทว่าถูกบังคับให้เป็นคนเข้าสังคม

คุณชินมินย็อง ผู้เขียนเล่าว่า ตอนที่เธอยังเด็ก เธอได้เข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติที่อังกฤษ ก่อนที่จะไปอยู่ที่นั่นเธอเรียนที่เกาหลี เธอเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน ๆ เพราะความใจดี เป็นคนเงียบ ๆ และเป็นผู้รับฟังที่ดี แต่หลายปีที่เธออยู่ในสังคมการศึกษาแบบตะวันตกซึ่งมีแต่คนเข้าสังคมเป็นส่วนใหญ่ เธอกลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ ไม่มีจุดเด่น ไม่กล้าแสดงออก ข้อดีที่เคยมีคนชื่นชอบก็กลายเป็นข้อเสียที่ต้องแก้ไข เธอจึงต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเอกซ์โทรเวิร์ต พยายามใช้ความกล้าและบังคับตัวเองให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นที่สนใจของเพื่อน ๆ แต่พอกลับมาเรียนที่เกาหลีอีกครั้ง เธอก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพยายามทำมาตลอดช่วงที่อยู่ที่อังกฤษไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย เป็นแค่การดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอดและใช้ชีวิตโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บปวด

หลังจากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอจึงค่อย ๆ ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเก็บตัวมากขึ้น มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ยิ่งเธอได้ใช้เวลากับตัวเองตามลำพังมากขึ้น เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น เธอค้นพบว่ายิ่งเว้นระยะห่างจากโลกและปล่อยวางเรื่องผู้คนได้เท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้คนเหล่านั้นค่อย ๆ น่ารักขึ้น แล้วโลกก็ค่อย ๆ สดใสมากขึ้นด้วย

การที่เราจะสนิทกับใครสักคน สิ่งสำคัญไม่ใช่การพยายามอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่เป็นการแบ่งเวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่นและเวลาอยู่กับตัวเองให้พอดีและสมดุลกัน เมื่อเรายอมรับความเป็นตัวเองได้แล้ว จุดแข็งที่มีอยู่ในตัวเราก็จะเปล่งประกายออกมาทุกด้าน และสามารถยิ้ม หัวเราะ ได้อย่างสบายใจและมีความสุขได้โดยไม่ต้องเสแสร้ง รวมทั้งยังสามารถส่งพลังบวกสู่คนรอบข้างได้ด้วย ถึงแม้จะเป็นชาวอินโทรเวิร์ตก็สามารถพบเจอกับเพื่อนใหม่ หรือพบเจอกับผู้คนใหม่ ๆ สานสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างและสนุกกับการได้รู้จักตัวตนด้านใหม่ ๆ ของคนรอบข้างได้เช่นกัน

บทที่ 5 ชื่อบทว่า “วิธีเยียวยา”

เนื้อหาในบทนี้เป็นวิธีการสร้างความสุขของชาวอินโทรเวิร์ต เริ่มตั้งแต่การบำบัดจิตใจด้วยการนั่งสมาธิ จดจ่ออยู่กับลมหายใจในพื้นที่ที่เงียบสงบ จะช่วยทำให้จิตใจและร่างกายได้ผ่อนคลาย ลดความคิดฟุ้งซ่าน ความเครียดและความวิตกกังวลต่าง ๆ

นอกจากการนั่งสมาธิแล้ว การเขียนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยจัดการอารมณ์ได้ดี เพราะขณะที่จดบันทึกความคิดที่กระจัดกระจายและล่องลอยไร้จุดหมาย จะทำให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้ยว่าอะไรที่ควรเก็บไว้ และอะไรที่ควรทิ้งไป

การแช่ตัวในอ่างอาบน้ำหรือการซาวน่าก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบำบัดจิตใจให้ปลอดโปร่ง และยิ่งปิดท้ายด้วยการใช้น้ำมันหอม และพักผ่อนในบ้านที่มีแสงไฟอบอุ่น ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบสุขและปลอดภัย

การดูภาพยนตร์ที่ชอบและการอ่านหนังสือเล่มโปรดก็เป็นอีกความสุขหนึ่งของชาวอินโทรเวิร์ตหลายคน ถึงแม้ชาวอินโทรเวิร์ตจะไม่ได้เป็นหนอนหนังสือทุกคน แต่ก็มีหนอนหนังสือเพียงไม่กี่คนที่ไม่ใช่อินโทรเวิร์ต

นอกจากหนังสือแล้วธรรมชาติก็เป็นแหล่งพักพิงใจของชาวอินโทรเวิร์ตได้เป็นอย่างดี ในบางประเทศมีการใช้การเดินป่ามาเป็นกิจกรรมบำบัดเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เปิดประสาทสัมผัส สังเกตและชื่นชมธรรมชาติรอบตัวอย่างเต็มที่ ถ้าได้สังเกตหรือเฝ้ามองท้องฟ้าก็จะเห็นว่าแม้จะเป็นท้องฟ้าผืนเดียวกัน แต่สีของท้องฟ้าและรูปร่างของก้อนเมฆก็ค่อย ๆ เปลี่ยนทุกวินาที ธรรมชาติสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ ทำให้ความเหนื่อยล้าที่มีมานานค่อย ๆ หายไป การเฝ้ามองธรรมชาติจึงเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชาวอินโทรเวิร์ต

เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนเล็ก ๆ ของหนังสือเล่มเล่มนี้เท่านั้น ในหนังสือยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากให้ทุกคนได้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นชาวอินโทรเวิร์ตหรือเอกโทรเวิร์ต เชื่อว่าเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทำให้เข้าใจตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น รวมทั้งเข้าใจคนรอบข้าง รู้วิธีการปฏิบัติต่อคนรอบข้าง และคนที่เรารัก ทำให้เราใช้ขีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้นด้วย

คำศัพท์ภาษาเกาหลีน่ารู้

  •   내향인 – คนเก็บตัว
  •   혼자 – โดยลำพัง, คนเดียว
  •   행복하다 – มีความสุข

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “My Introvert Story แค่คนเก็บตัว” ได้ที่นี่

ต้องการอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ คลิกที่นี่ค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือและการเรียนภาษาเกาหลีนะคะ ^^