หนังสือแปลเกาหลี

หนังสือแปลเกาหลี “ห่างแค่ไหนถึงใกล้กันกำลังดี”

หนังสือ “ห่างแค่ไหนถึงใกล้กันกำลังดี” แปลมาจากหนังสือภาษาเกาหลี “적당히 가까운 사이” โดยผู้เขียนเรื่องและภาพที่ใช้นามปากกาว่า Dancing Snail แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณตรองสิริ ทองคำใส และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สปริงบุ๊ค

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “ห่างแค่ไหนถึงใกล้กันกำลังดี” ได้ที่นี่

คำศัพท์ภาษาเกาหลีน่ารู้

  • 적당 – พอดี, ความพอดี
  • 가깝다 – ใกล้
  • 사이 – ช่องว่าง, การเว้นระยะ
  • 외롭다 – เหงา, โดดเดี่ยว
  • 피곤하다 – เหนื่อย
  • 거리 – ช่องว่าง, ระยะ

หนังสือเล่มนี้ได้แนะนำ 13 เทคนิคพอดี ๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์แข็งแรง ไม่ใกล้กันจนอึดอัด แต่ก็ไม่ไกลกันจนเกินไป

  1. เวลาผิดหวังในตัวใครหรือเวลาที่มีใครทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเรา ก็ปล่อยวาง แล้วคิดซะว่า “เป็นเช่นนั้นเอง” และเมื่อจะแสดงความคิดเห็น ก็เตรียมเกราะกำบังให้พร้อมก่อน เกราะกำบังนั้นชื่อว่า “เห็นไม่ตรงกันก็ช่าง” พอใครคิดไม่เหมือนเรา เราก็แค่คิดว่า “เห็นไม่ตรงกันก็ช่าง” แล้วเราก็จะรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้
  2. ธรรมชาติของคนเรา จะรู้สึกอยากเข้าหาเมื่อถูกผลักออก และอยากออกห่างเมื่อถูกรุกล้ำ เพราะฉะนั้นแทนที่จะมัวจัดตัวเองว่าเป็นอินโทรเวิร์ต เอ็กซ์โทรเวิร์ต หรือมัวสร้างกฎเกณฑ์มากมายให้ตัวเอง ลองปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ชีวิตคนเราคือการเดินทางค้นหาสมดุลแห่งสายสัมพันธ์ บางทีความเป็นธรรมชาติก็อาจจะทำให้เราค้นพบสมดุลในความสัมพันธ์นั้นได้ดีขึ้น
  3. ถ้ารู้สึกว่าใกล้ตัวเรามีคนชอบลดทอนความเคารพในตัวเองของเรา หรือชอบทำลายความเชื่อมั่นของเราอยู่เสมอ เราจะทำอะไรก็ต่อต้านอยู่เสมอ หรือคอยขัดทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมดูท่าทางแล้วพฤติกรรมแบบนี้ของเขาก็คงเปลี่ยนไม่ได้ง่าย ๆ เราก็ควรถอยห่างออกมาก บางครั้งคนเราก็ต้องการเพียงแค่ใจที่เคารพให้เกียรติกันและกำลังใจบริสุทธิ์ที่มีต่อกันเท่านั้นเอง
  4. การรักหรือสนิทกันไม่ใช่เหตุผลให้พูดหรือทำตามอำเภอใจได้ทุกอย่าง ถ้าใครทำร้ายเราไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจโดยอ้างว่า “เพราะรัก” ก็จงรู้ไว้เลยว่านี่คือการใช้ความรุนแรงที่สวมหน้ากากคำว่ารักบังหน้าเท่านั้นเอง
  5. การเป็นคนอ่อนไหวกว่าคนอื่นนิดหน่อยไม่ใช่เหตุผลให้ตัดสินใจอารมณ์ความรู้สึกตัวเองในแง่ลบ คนบางคนมีพลังมหัศจรรย์ที่ทำให้เรารู้สึกผิดได้อยู่เสมอทั้ง ๆ ที่คนผิดคือเขา คนเหล่านั้นมักจะตีตราเราว่า “ขี้หงุดหงิด”, “ฉุนเฉียวเกินกว่าเหตุ” เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องเสียเวลากลุ้มใจหรือกังวลใจ แต่ต้องมีอิสระที่จะซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเจอสถานการณ์สมควรขุ่นเคืองใจให้จำไว้ว่า “ถ้าฉันบอกว่าอารมณ์เสีย ก็หมายความว่าอารมณ์เสีย”
  6. อย่าเพิ่งรีบด่วนกลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่สายเกินไปถ้าจะกลุ้มกังวลสุด ๆ เมื่อสถานการณ์ที่สมควรระวังเกิดขึ้นจริง แต่โดยปกติคนเรามักจะใช้อารมณ์ไม่มั่นคงในใจ คาดการณ์อนาคตในแง่ลบเสมอ ซึ่งการคาดเดาแง่ลบนี้อาจสร้างต้นตอเลวร้ายในความสัมพันธ์ อย่าให้ความหวาดหวั่นเลื่อนลอยหรือความกังวลล่วงหน้าเกินกว่าเหตุมาทำลายช่วงเวลาล้ำค่าของความสัมพันธ์ ณ ปัจจุบัน
  7. “จงเชื่อในความสัมพันธ์ อย่าเชื่อคน” เพราะมนุษย์ทุกคนรวมทั้งตัวเราด้วย เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ และพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมทั้งพร้อมเปลี่ยนจุดยืนกับศรัทธาเพื่อเอาตัวรอดด้วย เพราะฉะนั้นถ้าต้องเจ็บปวดเพราะคนที่เคยไว้ใจ ก็ไม่ต้องเศร้าเสียใจ แต่ปล่อยให้ความละอายเกิดกับเขาที่ไม่เห็นค่าความเชื่อใจของเรา
  8. ไม่ต้องพยายามเป็นคนดีของทุกคน การสานความสัมพันธ์โดยยึดติดกับการเป็น “คนแสนดี” ในสายตาคนอื่นนั้น มีแต่จะทำให้เราสูญพลังงานเปล่า อย่าลืมว่าก่อนจะพยายามทำตัวดีกับทุกคน การปรองดองกับตัวเราเองสำคัญกว่า
  9. จิตใจไม่เป็นดั่งใจอยู่แล้ว เพราะหัวใจคนเราอยู่เหนือการควบคุม ดูแลตัวเองก่อน อย่ามัวแต่สนใจความนึกคิดของคนอื่น เรื่องที่ไม่เป็นดั่งใจก็ปล่อยวางไปเถอะ อย่าเคี่ยวเข็ญหัวใจตัวเองจนเกินไป ปล่อยให้หัวใจเป็นฝ่ายนำก่อนบ้าง แล้วเราจะมอบความเป็นมิตรไมตรีให้คนอื่น ๆ ได้อย่างเบาใจ
  10. รักษาระยะห่างทางใจให้เหมาะสมไม่ขาดไม่เกิน ไม่ใกล้ไม่ไกล ไม่เย็นชาแต่ไม่ร้อนระอุ บางครั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ชิดกันเกินไปก็ยืนยาวกว่า เพราะคำว่าสนิทสนมมักจะมาพร้อมกับความคาดหวังและผิดหวัง ความสัมพันธ์ของคนเราก็เหมือนเชือกยิ่งสนิทชิดใกล้ก็ยิ่งมักจะยุ่งเหยิง หรือถ้าหย่อนเกินก็จะพันกัน และถ้าต่างคนต่างถือตึงเกินไปก็มักจะขาด เราจึงควรถือเชือกให้พอดีๆ ด้วยความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายสบายใจตามสถานการณ์จะดีกว่า
  11. ไม่มีใครที่เราจะขาดไม่ได้บนโลกใบนี้ เราจึงต้องรีบคัดกรองคนที่ด้อยค่าเราหรือไม่ให้เกียรติเราออกไปก่อนที่เรารู้สึกเคยชินแล้วทำให้การเคารพตัวเองของเราต่ำลงด้วย การทำให้พื้นที่ว่างหลังจากปัดกวาดความสัมพันธ์ซึ่งเคยด้อยค่าเราออกไป จะเป็นกลไกที่สำคัญให้เราได้พบเจอคนที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า และมีพื้นที่ให้คนที่ยอดเยี่ยมนั้นเข้ามาในชีวิตเรา
  12. ความหมายใด ๆ ของรักที่มอบให้ ควรอยู่ในเงื่อนไขของการเคารพชีวิตกันและกันเป็นสำคัญ การควบคุมอีกฝ่ายหนึ่งให้อยู่ในกำมือไม่เรียกว่าเป็นความรัก และการตั้งหน้าตั้งตาเป็นฝ่ายให้ผู้แสนจะทุ่มเทก็ไม่ได้ทำให้มีความสุข แต่ต่างคนต่างควรจะเว้นระยะจากชีวิตของกันและกันบ้าง แล้วจดจ่อกับตัวเองให้มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์นั้นแข็งแรง อย่าลืมว่าความเคารพและให้เกียรติกันนั้นเป็นทั้งก้าวแรกและเป็นทั้งปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของความรักอันแข็งแรง
  13. ระดับความเข้มข้นของความสัมพันธ์ไม่ได้แปรผันตามระยะเวลายาวนานที่รู้จักกัน จึงไม่จำเป็นต้องฝืนเก็บรักษาความสัมพันธ์ที่ไร้ความหมายเพียงเพราะแค่เสียดายเวลา สิ่งสำคัญที่แท้จริงในความสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงเวลา แต่คือใจที่รู้สึกได้แม้มองไม่เห็นด้วยตา

เมื่อคนเรามาพบกันก็เหมือนดวงดาวที่โคจรมาเจอกัน อาจจะเกิดแรงปะทะที่ทำให้เจ็บปวดบ้าง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ ทำให้เราค้นพบการอยู่ร่วมกัน การรู้จักเข้าใจและเห็นใจกัน การยอมรับซึ่งกันและกัน และการขยายพื้นที่อารมณ์ความคิดของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราอาจจะเชื่อมโยงผูกพันกัน แต่ไม่รุกรานกัน และช่วยกันขยายโลกเราไปพร้อม ๆ กันอย่างงดงาม

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “ห่างแค่ไหนถึงใกล้กันกำลังดี” ได้ที่นี่

ต้องการอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ คลิกที่นี่ค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือและการเรียนภาษาเกาหลีนะคะ ^^