หนังสือแปลเกาหลี

หนังสือขายดีในเกาหลี “มันไม่ง่ายขึ้นหรอก แต่เธอจะเก่งขึ้น”

หนังสือ มันไม่ง่ายขึ้นหรอก แต่เธอจะเก่งขึ้น แปลมาจากหนังสือภาษาเกาหลี “너에게 하고 싶은 말” เขียนโดย คุณคิมซูมิน และวาดภาพประกอบโดย คุณชองมาริน แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณวิทิยา จันทร์พันธ์ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Springbooks

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “มันไม่ง่ายขึ้นหรอก แต่เธอจะเก่งขึ้น” ได้ที่นี่

ชื่อหนังสือในภาษาเกาหลี “너에게 하고 싶은 말” มีความหมายว่าคำพูดที่อยากพูดกับเธอ

  •  너 – เธอ
  •  에게 – แก่, ให้แก่
  •  말 – คำพูด, การพูด

ในอารัมภบทของหนังสือเล่มนี้ คุณคิมซูมิน ผู้เขียน ได้เขียนไว้ว่า “สาเหตุที่ทะเลทรายงดงาม เพราะที่ไหนสักแห่งมีโอเอซิสหลบซ่อนอยู่ ต่อให้เราต้องเดินร่อนเร่พเนจรไป ก็โปรดจงอย่ายอมแพ้ ตอนนี้เราก็แค่ยังหาโอเอซิสเบื้องหน้าไม่พบเท่านั้น”

หนังสือเล่มนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 บท ในแต่ละบทก็มีจะเรื่องราว ข้อคิดและคำพูดดี ๆ ประกอบภาพสวย ๆ

บทที่ 1 ความรักคืออะไรกันนะ

เนื้อหาในบทนี้บอกไว้ว่าคนที่น่าอิจฉาที่สุดบนโลกนี้ก็คือคนที่กำลังมีความรัก ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมาย หรือหน้าตาจะโดดเด่นแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีความรักก็ยากที่จะมีความสุขเทียบเท่าคนที่มีความรักได้ ดังนั้นถ้าตอนนี้มีใครที่เรากำลังคิดถึงหรือมีใครล่องลอยอยู่ในความคิดเราทั้งวัน ไม่จะเป็นเพื่อน ครอบครัว คนรัก หรือใครก็ตาม จงรีบไปหาแล้วก็บอกเขาว่า “ฉันมาหาเพราะคิดถึงเธอ” หรือถ้าตอนนี้ยังไปหาไม่ได้ก็ติดต่อไปหาเขาด้วยวิธีอื่น ยุคนี้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย ๆ หลายช่องทาง ตอนนี้คนที่เราคิดถึงก็อาจจะกำลังรอเราอยู่เช่นกัน ถ้าเราไม่แสดงออกตอนนี้ ทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้ และในทางตรงกันข้ามถ้าอีกฝ่ายติดต่อมาหาเรา แล้วเราไม่ใส่ใจทันที คิดว่าค่อยตอบทีหลังก็ได้ สิ่งนี้ก็อาจจะสร้างผลลัพธ์ที่เลวร้ายก็ได้ ดังนั้นต้องทำดีให้ถึงที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง

ความสัมพันธ์ของคนเรา เริ่มแรกมักจะตื่นเต้นและมีความสุข พอเวลาผ่านไปก็กลายเป็นความคุ้นเคย จนทำให้ละเลยกันและกัน ดังนั้นถ้ารักกันจริงก็อย่าละเลยคนที่คอยอยู่เคียงข้างกัน ต้องรักและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดจะได้ไม่ต้องหวนกลับมาเสียดาย ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ส่งข้อความหรือโทรศัพท์ถึงกันบ้าง เอาใจใส่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วมองผ่านไป

สาเหตุที่ความรักมักเหนื่อยยากก็เพราะความรักนั้นเป็นความรักที่ให้หรือรับแต่เพียงฝ่ายเดียว ช่วงเวลาที่เราเหนื่อยล้ากับความรัก แม้แต่สิ่งเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน เมื่อเรารักกัน ความต้องการก็มักจะขยายใหญ่ขึ้น ก็เป็นปกติที่จะทุ่มเถียงกัน แต่นี่ก็เป็นกระบวนการธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลใจ ต่อให้อดทนกับสถานการณ์ตอนที่โต้เถียงกันไม่ไหว ก็ขอให้อดทนกับคำพูดสุดท้ายคือคำว่า “เลิกกัน” ต้องฝืนกลั้นเก็บไว้

คุณคิมซูมิน ผู้เขียน เล่าว่าเคยมีประสบการณ์รักระยะไกล ซึ่งถ้าคิดว่าไกลก็ไกลกัน แต่ถ้าคิดว่าใกล้ก็ใกล้กัน ความรักระยะไกลมักจะทะเลาะกันด้วยปัญหาการติดต่อเสมอ ยิ่งความรู้สึกคิดถึงขยายใหญ่ ความรู้สึกเดียวดายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่การอยู่ใกล้กันก็ไม่ใช่ดีทั้งหมด เพราะเราก็อาจโต้แย้งหรือทะเลาะกันเรื่องการติดต่อ คำพูด หรือการกระทำ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความรักรูปแบบใด ๆ ความเชื่อมั่นในความรัก การแสดงความรู้สึก และหัวใจที่มั่นคงก็อาจจะสำคัญกว่าระยะทาง

บทที่ 2 ฉัน เพราะมีเธออยู่

 ในบทนี้มีเรื่องราวหรือแนวคิดที่น่าสนใจมากมาย เช่น เรื่อง “ลูกศรที่ชื่อว่าคำพูด” ที่บอกไว้ว่าเราไม่ควรกล่าวร้ายคนอื่น เพราะโลกเรากลมมาก สักวันลูกศรแห่งคำว่าร้ายจะย้อนกลับคืนสู่ตัวเรา มีคำกล่าวว่า การใส่ร้ายสามารถฆ่าคนได้ถึงสามคน คนแรกคือผู้พูด คนที่สองคือผู้ฟัง และคนที่สามคือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในการว่าร้ายหรือใส่ร้ายนั้น ดังนั้นถ้ามีใครกำลังพูดจาใส่ร้ายคนอื่นอยู่ เราควรหลีกเลี่ยงไปให้ไกล และเราก็ควรรักษาระยะห่างจากคนที่แกล้งทำดีต่อหน้า แล้วนินทาลับหลัง เพราะเพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนแท้จะเสแสร้งทำดีเฉพาะต่อหน้า แต่เพื่อนที่แท้จริงจะคอยหัวเราะอยู่ข้างกันตอนมีเรื่องดีใจ และพร้อมจะร้องไห้ไปด้วยกันตอนที่เรื่องเสียใจ ฉะนั้นถ้าเรามีเพื่อนที่ดีหรือคนที่ดีอยู่ข้างกาย เราต้องให้ความสำคัญและทำดีต่อกันให้มากที่สุด ถ้าเผลอไผลทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียใจเพราะเรา ก็ต้องรีบขอโทษตอนนั้นทันที อย่ามัวเลื่อนเวลาออกไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าเลื่อนไปจนถึงเวลาที่เราพร้อมจะขอโทษ เขาคนนั้นก็อาจจะไม่อยู่ให้เราขอโทษแล้วก็ได้ หรือถ้าอีกฝ่ายหนึ่งทำผิดพลาด เราก็ต้องนึกย้อนถึงตัวเราว่าเราเองก็เคยทำผิดพลาดเช่นกัน และถ้าได้ยินข่าวลือหรือคำฟ้อง คำบอกเล่าต่าง ๆ เราก็ต้องหนักแน่น เชื่อแค่สิ่งที่เห็นและพิจารณาด้วยตัวเอง ต้องเชื่อความจริงมากกว่าข่าวลือ คิดให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นทะเลาะกัน เพราะระหว่างที่ทะเลาะกันจะมีแต่ความเจ็บช้ำ ดื้อดึง ตะโกนถ้อยคำที่สมควรพูดออกไป การทะเลาะกันไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ มีแต่จะสูญเสียสิ่งต่าง ๆ ไป ทั้งอารมณ์ ทั้งคน ถ้าเป็นคนที่ไม่คิดจะเจอกันอีกแล้วชั่วชีวิต ต่อให้ทะเลาะกันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มั่นใจที่จะตัดขาดก็อย่าเสียเวลาทะเลาะ ใช้เวลาพูดจากัน กลับมาคืนดีกัน แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะไปพร้อมกันจะดีกว่า

บทที่ 3 โปรดอย่าเจ็บปวด

ในบทนี้ผู้เขียนได้กล่าวถึงสิ่งที่มักทำให้คนเราว้าวุ่นใจ นั่นก็คือความวิตกกังวลกับอดีตและอนาคต    ทั้ง ๆ ที่อดีตผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง คาดเดาก็ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลุ้มใจหรือกังวลใจกับเวลาในอดีตและอนาคต แต่ควรใส่ใจกับเวลาในปัจจุบัน และความกังวลใจอีกอย่างหนึ่งของคนเราก็มักมาจากการกำหนดให้เงินเป็นที่ตั้งของชีวิต แน่นอนว่าเราคงจะอยู่บนโลกนี้อย่างไม่สะดวกสบายนักถ้าขาดแคลนเงิน แต่ถ้าเรายกให้เงินอยู่เหนือทุกสิ่ง แม้ในบัญชีจะมีเงินมากเท่าไรก็อาจจะยังรู้สึกว่าไม่มากพอ หรือต่อให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือก็อาจจะไม่มีความสุข เพราะถึงแม้เงินจะทำให้สะดวกสบายขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้หัวใจสงบสุขได้ การมีชีวิตอยู่อย่างพึงพอใจกับตัวเองต่างหากที่สำคัญกว่า

ชีวิตคนเราก็เหมือนกับท้องฟ้า บางวันก็มีแสงแดดจ้า บางวันก็มีเมฆครึ้ม ฝนตก บางวันก็มีฟ้าร้อง ฟ้าแลบ บางวันก็ถึงกับมีฟ้าผ่า แต่ถึงแม้อะไรจะเกิดขึ้น ก็ยังมีวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสอยู่เสมอ ดังนั้นไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่าเสียเวลาพร่ำบ่น อย่ามัวแต่พูดว่าวันนี้ลำบาก เพราะถ้ายิ่งพูดว่าลำบากก็ยิ่งตอกย้ำตัวเองให้ลำบากมากขึ้น แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้าร่างกายหรือจิตใจก็พักผ่อน พอได้หลับสักพักแล้วตื่นขึ้น ความเจ็บปวดและความยากลำบากจะทุเลาลง ข่มตานอนให้หลับแล้วค่อยตื่นมาคิดต่อก็ยังไม่สาย อย่ามัวแต่เสียเวลาคิดว่าตัวเองไม่ดี ไม่เพียบพร้อม ไม่เก่ง ลองก้าวมายืนที่หน้ากระจก ชมตัวเองกับสิ่งที่วันนี้เราทำได้ดีที่สุด ชื่นชมและบอกรักตัวเองแบบนี้ทุกวัน ต้องเริ่มจากรักตัวเองก่อน คนอื่นจึงจะรักเรา และเมื่อเรารักตัวเอง ต่อไปแม้จะมีเรื่องที่เหนื่อยยากหรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราก็จะไม่ล้ม แต่จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แล้วก็มีวันที่สุขสบายมากกว่าวันที่เหนื่อยล้าหรือยากลำบากแน่นอน

บทที่ 4 ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร

ผู้ใหญ่มักจะบอกว่า “ความเป็นหนุ่มสาว” นั้นดีที่สุด เพราะมีเวลาและมีศักยภาพ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากทำอะไรก็ทำเลย ต่อให้ล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ก็แค่ลุกขึ้นใหม่ ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็จงใช้ชีวิตแบบที่จะไม่มีวันเสียดายตลอดไป ในนิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า ไม่ว่าจะแข่งอีกกี่ครั้งเต่าก็จะชนะกระต่าย เพราะกระต่ายมองคู่ต่อสู้แล้วออกวิ่ง ส่วนเต่ามองเป้าหมายแล้ววิ่งไป มีคนมากมายที่เป็นเหมือนกระต่าย นั่นคือไม่ได้สนใจเป้าหมาย มัวแต่ใส่ใจคู่แข่ง แต่ก็มีคนอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่มองใครเป็นคู่แข่ง เพราะมีตัวเองเป็นคู่แข่งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่สร้างตัวเราในตอนนี้ให้เติบโตขึ้นหรือดีขึ้นกว่าตัวเราในอดีต

ถ้ามีสิ่งที่อยากทำตอนนี้ก็ลงมือทำเถอะ อย่ามัวแต่อ้างหรือโทษสถานการณ์ หยุดกังวลใจเรื่องเงิน เรื่องฐานะ หรือเรื่องอื่น ๆ หาทิศทางของตัวเองให้เจอ ไม่จำเป็นต้องเร่งความเร็วให้เท่ากับคนอื่น แค่ใช้เวลาของตัวเองให้คุ้มค่า นำสิ่งที่มองเห็น สิ่งที่รับฟัง สิ่งที่รู้สึก ในขณะที่อายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ มาสร้างปัญญาให้ตัวเอง และไม่ว่าจะทำอะไรก็ทุ่มเททำด้วยความสนุกสนาน จงเป็นคนที่มีความสุข ไม่ใช่แค่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่ต้องเป็นคนที่ประสบความเร็จและมีความสุขด้วย

เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มีคุณค่ามากมายค่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เป็นหนังสือ Bestseller ที่ขายได้มากกว่า 500,000 เล่มในเกาหลี เล่ามาขนาดนี้แล้วก็แน่นอนว่าอยากชวนให้ทุกคนอ่านและเชื่อว่าถ้าอ่านจบแล้ว หนังสือเล่มนี้อาจจะกลายเป็นหนังสือเล่มโปรดของใครอีกหลายคนแน่นอนค่ะ

คลิกดูคลิปวีดีโอสรุปหนังสือ “มันไม่ง่ายขึ้นหรอก แต่เธอจะเก่งขึ้น” ได้ที่นี่

ต้องการอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ คลิกที่นี่ค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือและการเรียนภาษาเกาหลีนะคะ ^^